วันที่ 7 ส.ค. 2567 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์วินิจฉัยกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นคําร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่า พรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้อง) มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567

โดย 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ สั่งยุบพรรคก้าวไกล โดยศาลยืนยันว่ามีอำนาจพิจารณาคดี พร้อมระบุข้อแก้ต่างของผู้ถูกร้องฟังไม่ขึ้น สมาชิกและพรรคพวกมีเจตนาล้มล้างการปกครอง และมีการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง

พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ 25 มี.ค. 2564 – 31 ม.ค. 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่กระทำความผิด 10 ปี พร้อมห้ามกรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าว ไปจดทะเบียนหรือมีส่วนรวมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค

โดยภายหลังฟังคำพิพากษา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.สบัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกจากห้องวินิจฉัย โดยที่ใบหน้ายังมีรอยยิ้ม สลับใบหน้านิ่งเฉย โบกมือทีกทายสื่อมวลที่มาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก